วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

รวมวิชาหลวงปู่

หลากหลายวิชาที่ปู่พูดถึง (โดยเฒ่าทารก)

วิชาต่างๆเท่าที่ข้าพเจ้าพอประเมินได้ ความจริงมีมากกว่านี้มากมายเป็นปลีกย่อย
วิชาที่เขียนต่อไปนี้คือวิชาเท่าที่รู้ชื่อและประโยชน์หลายๆวิชาท่านไม่บอกชื่อแท้
จริง ผู้เขียนใส่ชื่อตามที่คิดว่าน่าจะใช่ มีเพียง ๒-๓ วิชาที่มีชื่ออย่างเป็นทางการ


กระบองสิบสอง : ท่านบอกวิชานี้ถ่ายทอดจาก โกษาปาน ใช้พลังแผ่เข้าไปใน
วัตถุแม้เพียงก้านกล้วย ลำอ้อผุ ก็สามารถตีกระดูกให้แตกหักหรือถึงตายได้


ฝังเข็ม : ฝังเข็มเงินรักษาอาการผิดปกติเจ็บป่วย และเข็มทองรักษาชีวิต
แต่เข็มนี้ให้ผู้อื่นไปแล้ว


จี้สกัดจุด : กำมือเหมือนมะเหงก ใช้พลังภายในเคาะไปตามจุดรักษาโรค
ปัจจุบันหรือพิษ ในการใช้จะเสียพลังมาก


เดินบนยอดหญ้า : เป็นวิชาตัวเบาประเภทหนึ่ง ปัจจุบันพวกลามะชั้นสูงทาง
ธิเบตใช้กัน ท่านบอกคนแถวบ้านเราไม่เข้าใจ หากนำมาใช้ถูกคนพบเห็นจะเกิด
โทษ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้



มวยจีน : เจ้าแว่นซึ่งเป็นลูกศิษย์เก่าติดตามจากถ้ำสิงโตทองราชบุรี ภายหลัง
ไปทำปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ ได้ฝึกฝนมวยไท้เก๊กมา ๘-๙ ปีแล้ว รำมวย
ตอนเช้าที่หน้าถ้ำ หลวงปู่บอกให้รำโจมตีท่านได้เต็มที่เลย
(ตอนนั้นเจ้าหก
ลูกชายข้าพเจ้ายืนดูอยู่ ช่วงนั้นเขาไปอุปักฐากหลวงปู่ที่ถ้ำเล่าให้ฟัง) หลวงปู่
ท่านใช้มวยจีนประหลาดของท่าน เคลื่อนไหวสวยงามสะกดมวยเจ้าแว่นฉมัง
ไม่ว่าจะขยับไปท่าไหน เจ้าแว่นพูดกับลูกชายข้าพเจ้าว่าเวลาท่านจับจี้เบาๆ
มันเจ็บชัดจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งเคล็ดวิชาอยู่ที่การเคลื่อนไหวและรวมพลัง
ถ้าพลังปรากฏมีผิวกายฝ่ามือและดางตาพร้อมเข้าใจแก่นวิชาที่ได้จิตรวมกาย
กายรวมพลัง พลังกายและจิตรวมเป็นหนึ่ง


ไสยศาสตร์ : ท่านรู้จัก เข้าใจ ลึกซึ้ง ในไสยศาสตร์ไทย พม่า เขมร ต่างๆ
หลายอย่าง เช่น ปูโลหิต
,ปรอท,ควายธนู,ธนูมือ,ผูกหุ่น,เสกต่อแตน,เป็นต้น
วันนั้นดูเหมือนจะเป็นที่ศาลาบนเขาท่านอธิบายขั้นตอนวิชาพวกนี้ ถึงวิธีทำ
การใช้อำนาจ การป้องกัน การแก้ไข พวกเรากำลังตั้งใจฟังอย่างใจจดใจ่อ
กลับมีพวกเราคนหนึ่งพูดขัดลำขึ้นมา ท่านจึงหยุดและหยุดจนบัดนี้
หลังจากวันนั้นพูดไปเพียง ๒ เรื่อง น่าเสียดายยิ่ง



ว่านและสมุนไพร : ช่วงตอนมุงหลังคาศาลาชมดาว วันนั้นท่านสมภารให้
ข้าพเจ้าติดไฟตั้งกะทะเคี่ยวว่านยา ๑๐๘ เมื่อข้าพเจ้าเสร็จธุระก็มาช่วยมุงหลังคา
ส่งของอยู่ด้านล่าง หลวงปู่กับบุญชูอยู่บนหลังคา เมื่อหลวงปู่ได้กลิ่นว่าน
ท่านบอกว่า มันเอาว่านสำคัญนั่นมา-นี่มา ว่านพวกนี้มันจะส่งฤทธิ์เป็นพิษ
ต้องเอาพระยาว่านกับว่านอะไรมาสะกดจึงข่มพิษลงได้ ท่านบอกว่า
พวกมึงพยายามอย่าสูดดมเอากลิ่นเข้าไป มันเป็นพิษและน้ำว่านที่เคี่ยวออกมา
ถ้ากินเข้าไปถึงตาย


พวกเรา ๓-๔ คนอยู่ข้างล่าง ส่วนบุญชูและหลวงปู่ อยู่ส่วนบนสูดกลิ่นเข้าไป
เต็มๆ คือบุญชูเดินหนีไม่ได้ รุ่งเช้าบุญชูซึ่งปรกติเป็นคนแข็งแรงต้องเดินกระปลก
กระเปลี้ยแซ่วไปทั้งวัน นอกจากนี้หากพวกเขาเองหรือญาติๆ เจ็บป่วยรักษายาก
หลายคนมักขอความอนุเคราะห์จากท่าน เรื่องวิธีการรักษาหรือแม้แต่สมุนไพร
ต่างๆ ที่จะนำมารักษา ซึ่งส่วนมากเป็นพืชที่หาได้ตามท้องที่เกือบทั้งหมด
และมักได้ผลดีเสมอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านมักแนะให้ไปหาแพทย์แผนปัจจุบันก่อน
เมื่อถึงที่สุด หรือไม่มีวี่แววที่สุดแล้วท่านจึงจะให้คำแนะนำ



ฮวงจุ้ย : ท่านแสดงให้รู้จากคำอธิบายชัยภูมิต่างๆ ของบางสถานที่ ที่ท่านจะทำ
กิจกรรมมักจะไปเกี่ยวข้องตรงนั้น เช่นท่านอธิบายถึงชัยภูมิของถ้ำไก่หล่น
ก่อนจะเริ่มทำการพัฒนาเมื่อต้นปี ๒๕๓๖ คือมีความสัมพันธ์ทั้ง ๕ มี
ป่า-เขา-ถ้ำ-น้ำ-ฟ้า ซึ่งจะมีตำแหน่งส่งเสริมและเกื้อกูลกันอย่างไร จะทำให้เกิด
พลังธรรมชาติอันสมบูรณ์ดึงดูดเอา วิญญาณป่า แล้วจะดึงดูดเอา วิญญาณคน
ตามมา ท่านไม่เรียกวิชาฮวงจุ้ย แต่เรียกว่า ตำราพิชัยสงครามโบราณ ท่านได้
ตระเตรียมพัฒนาอะไรๆ ไว้ทางหัวหิน ในตอนแรกๆ แต่น่าเสียดายเกิดความผิด
พลาดทางเทคนิคของพวกเรากันเอง ลำอีซู จึงเป็นเป้าพัฒนาขึ้นมาแทน



อายะตนะของหลวงปู่ไม่ธรรมดา : หากจะเรียกว่าท่านมีสัมผัสค่อนข้างพิเศษ
จะดูฟังง่ายขึ้น ใครพูดอะไรอยู่ไกลๆ เพียงเบาๆ ท่านก็จะได้ยินเนื้อความทั้งหมด
อย่างชัดเจนถูกต้องและสมบูรณ์ ปู่หูดี คนเก่าๆจะเคยสัมผัสมาแล้วเกือบทุกคน
เช่นเดียวกับ ปู่ตาดี ท่านสามารถมองอะไรได้ไกลๆกว่าพวกเราๆและ ปู่จมูกดี
ท่านสามารถได้กลิ่นอะไรไกลๆ และแยกแยะได้เป็นพิเศษ พวกดื่มเหล้าเบียร์เจอ
บ่อยๆ ดังนั้นเมื่อใครจะเข้าพบท่าน ไม่ว่ามืดค่ำท่านรู้ว่าผู้ที่มามีสภาวะเป็นอย่าง
ไร
(ท่านบอกเป็นผลจากการฝึกปรือ ทำให้เครื่องรับของท่านรับคลื่นเบาๆ และ
จากที่ไกลๆได้ดีกว่าพวกเราๆ ท่านๆมาก)



การอ่านคลื่นสมอง (เจโตปริยญาณ) : หลวงปู่อธิบายว่าพลังสมองของคน
เราเมื่อมีชีวิตอยู่ จะส่งคลื่นเป็นความถี่เหมือนคลื่นวิทยุส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
แรงบ้างค่อยบ้างตามสภาวะของจิต จากการฝึกปรือท่านสามารถปรับสถานีรับ
คลื่นเช่นว่านี้ได้ ทำให้สามารถสัมผัสกับความรู้สึกนึกคิดในแต่ละคน เรียนรู้และ
เข้าใจในพฤติกรรมของคน ท่านเทศน์ในถ้ำไก่หล่นกับพวกเรา ๕๐-๖๐ คนว่า
รวมความรู้ความคิดความสามารถ ในการเรียนรู้และแก้ปัญหา ของพวกเราทั้ง
หมดในวันนั้น ยังไม่ได้ครึ่งของท่านเพียงรูปเดียว ทั้งนี้เพราะเป็นการเรียนรู้ทาง
จิตจากการฝึกปรือ ท่านเรียกด้วยศัพท์ทันสมัยว่า การอ่านคลื่นสมอง
ข้าพเจ้าก็ประสบด้วยตนเองเป็นคร้งแรกตามที่เขียนมาตอนต้นที่กล่าวถึง



ฝันและลางสังหรณ์แม่น : เช่นเรื่องไฟไหม้คลองเตย วันนั้นช่วงใกล้ๆปีใหม่
๒๕๓๖ ท่านถามว่า เฮ้ย
! วันนี้วันที่เท่าไหร่ เมื่อพวกเราตอบไป ท่านก็บอกว่า
ไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้กูต้องไปกรุงเทพฯแต่เช้า.... แล้วท่านก็จัดการสั่งรถมารับท่าน
เข้ากรุงเทพฯ และสายวันนั้นไฟก็ไหม้คลองเตย ลามเข้าไปจนติดกับคลังน้ำมัน
เชลล์ ท่านไปยืนบนหลังคากุฏิวัดโบกผ้าแดงด้วยความเป็นห่วง ภายหลังเมื่อไฟ
สงบท่านกลับไปที่ถ้ำฯ จึงรู้ว่า ท่านฝันและสังหรณ์เรื่องนี้มา ๓-๔ เดือนแล้ว
ได้บอกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เขาไม่ใส่ใจ และเกิดเรื่องนี้
ขึ้นจนได้
ที่น่ากลัวหากไฟลามเข้าติดคลังน้ำมัน กรุงเทพฯ คงจะวอดวายเป็น
ครึ่งเมืองทีเดียว


นอกจากนี้ท่านยังปรารถถึง ความประพฤติที่ผิดและไม่ถูกต้องของพระดังๆ
หลายรูป ท่านพูดสั้นๆไป ๓-๔ ครั้ง มีข้อผิดพลาดสั้นๆของพระเหล่านั้นที่ท่าน
เล่าให้ฟังประกอบการฝันเห็น ข้าพเจ้าฟังตอนแรกก็อ้ำอึ้งไม่กล้าให้การยอมรับ
หรือปฏิเสธ เพราะตอนนั้นพระเหล่านั้น ดังเหลือเกินข่าวเสียๆ ก็ยังไม่มี จนอีก
๒-๓ ปีจึงเกิดเรื่องราวขึ้นมา ท่นเคยให้ผู้เขียนๆ ข้าพเจ้าเขียนไปชี้แนะในหนังสือ
เกี่ยวกับธรรมะฉบับหนึ่ง เนื้อหาสาระคือ ท่านรู้ได้อย่างไร วิธีใด มีหลักฐาน
สำคัญ หรือคำรับรองจากผู้รู้ ทางจิตวิญญาณหรือไม่ว่าพระที่วิจารณ์กล่าวอ้างถึง
เป็นพระสำคัญระดับนั้น ระดับนี้ ท่านรู้ได้อย่างไรว่า นักบวชที่ท่านยกย่อง
สรรเสริญเป็นพระอริยเจ้า สุปฏิปันโณ เพราะท่านเองก็ยังมีกามตกเป็นทาสของ
กาม ยังต้องบริโภคกามและยังแสวงหากาม แล้วท่านจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นผู้
หมดกาม ต่อมาเมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เรื่องเหล่านี้ก็เปิดเผยออกมา ข้าพเจ้าจึงถึง
บางอ้อ เพราะเหตุการณ์เป็นไปเช่นนั้น



เจ๊อัมพร-สามพราน เป็นอีกคนหนึ่งที่เจอกับตัวเอง มาช่วยงานหลวงปู่ในวันนั้น
กว่าจะเลิกเกือบตี ๒ เมื่อเข้าไปกราบลา

หลวงปู่ท่านทักว่า เฮ้ย!วันนี้พวกมึงพักค้างคืนที่นี่นะ
แกก็แย้งว่า ตอนเช้ามืดนัดคนเขาไว้ไม่ไปจะเสียคำพูด
ท่านก็ทักท้วงว่า เอาเถอะน่า นี่ก็ดึกแล้วตอนเช้ามึงค่อยไป
แกก็แย้งอีกว่า เดี๋ยวนอนเพลินตื่นสาย ไปไม่ทันจะเสียคน หลวงปู่
ท่านก็บอกว่า กูไม่อยากให้ไปขับรถกลางคืนดึกๆ มันเกิดอะไรง่ายและอันตราย
เจ๊แกก็ยืนกระต่ายขาเดียว พวกหนูไปมาดึกดื่นเป็นประจำอยู่แล้วหละหลวงปู่ ไม่เป็นอะไรหรอกถ้าไม่ไปจะเสียคน
สุดท้ายท่านก็พูดว่า ตามใจมึงกูห้ามแล้วก็ไม่ฟัง

คืนนั้นเมื่อแกและเพื่อนซึ่งเป็นคนขับ ขับรถออกไปดูเหมือนแถวๆนครปฐม
ก็ไปจ๊ะเอ๋เข้ากับสิบล้อซึ่งมุ่งออกมาจากซอย ผลคือคนขับโดนพวงมาลัยอัด
ไม่ถึงตาย แต่สองคนรวมกันร้อยกว่าเข็ม พออกมาจากโรงพยาบาลได้
เจ๊ก็รีบมาหาหลวงปู่พร้อมต่อว่า หลวงปู่ทำไมไม่ช่วยพวกหนูบ้าง คำตอบคือ
เออ
! ที่พวกมึงไม่ตายนี่ บุญก็ค้ำไว้เท่าไหร่แล้ว กูเองก็ห้ามพวกมึงตั้งหลายครั้ง
เพราะสังหรณ์ไม่ดี แต่มึงไม่ฟังกูเอง

เดี๋ยวนี้เจ๊แกกลัวมากถ้าปู่พูดคำไหนเป็นไม่กล้า


คุณไก่-หัวหิน เป็นลูกศิษย์ชาวถ้ำในตอนแรกๆ คนหนึ่ง ตอนนั้นมีเรื่องฟ้องร้อง
กันอยู่ คดีความกำลังเพลี่ยงพล้ำ หาทางแก้ยังไม่ตก หลวงปู่ท่านสอนวิธีการพูด
ในศาล ถ้าถูกซักมาอย่างนี้ให้ตอบเช่นนี้เป็นเรื่องๆไป ตามโจทย์ที่ถาม ไม่กี่วัน
เค้าก็ยิ้มร่ากลับไปที่ถ้ำพร้อมกับเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ที่หลวงปู่สอนเขาไป
เหมือนท่านบอกบทการแสดงที่ท่านเป็นผู้กำกับการแสดง เขาถามมาก็เป็นไป
ตามที่ทานสอนไว้และเขาก็ตอบไปตามนั้น ตลอดเวลาเกือบชั่งโมง
ในที่สุดศาลก็ตัดสินให้ปรองดองกันตามที่ท่านแนะไว้
ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็พอใจและยุติด้วยดีในคดีครั้งนั้น



วิชาลมเจ็ดฐาน : เป็นวิชาที่หลายคนเคยได้ยินได้ฟัง มีหลายคนพยายามฝึกกัน
ด้วยการมีสติในการฝึกฝนเรื่องของลมหายใจให้มีปรกติในการหายใจเข้าออกยาว
เพื่อดูดสะสมพลังสุริยันอย่างเต็มเปี่ยม และปลดปล่อยพลังจันทราอย่างหมดจด
ด้วยความแผ่วเบาสม่ำเสมอ ผนวกกับการควบคุม ปราณ โดยพูดแต่น้อย
พูดเมื่อจำเป็นต้องพูด พูดให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเอง สังคม
สรรพสัตว์และธรรมชาติในลักษณะ ประโยชน์สูง-ประหยัดสุดเสพกามน้อยหรือ
งดเมื่อฝึกฝนขั้นสูงขึ้นไป เพื่อพัฒนาถึงซึ่ง กายศักดิ์สิทธิ์ ธรรมะศักดิ์สิทธิ์และจิตศักดิ์สิทธิ์
จึงจะทำให้วิชานี้เป็นไป ณ จุดที่กายมีสมดุลย์ จิตมีสมดุลย์ กายจะมีสภาพที่ทน
ต่อ น้ำ-ลม-ไฟ ฝนฟ้า และศาสตราได้ดีเป็นพิเศษ



วิชาขันธมาร
: เป็นเคล็ดวิชาชั้นสูง ซึ่งต้องฝึกต่อเนื่องจากวิชาขั้นต้นมาก่อน
เป็นการพัฒนาสติ และจิตใจให้มีปัญญามีความแหลมคม และมีพลังให้มากขึ้น
มีความรวดเร็วฉับไวขึ้น เทียบกับการลับดาบพร้อมไว้ในฝักเพื่อใช้อย่างรวดเร็ว
และชาญฉลาดกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ห้ำหั่นการปรุงของกิเลสเช่นอุปกิเลส ๑๑ อัน
เริ่มจาก วิจิกิจฉา-อมนสิการ ถีนมิทธะ จนถึงรูปานัง อตินิชฌายิตัตตะหรือการ
เพ่งรูปนามมากเกินไป หรือแม้ขั้นตอนการใช้เพื่อตัด ปัจจยาการของปฏิจจสมุปปาท เป็นต้น



วิชานิรรูป : นี่ก็เป็นเคล็ดวิชาขั้นสูง อันต้องใช้การฝึกฝนต่อเนื่องจากวิชาขั้นต้น
เป็นการฝึกหรือการเข้าถึงจิตดั้งเดิม เพื่อให้เกิดพลังอันแท้จริงของจิตอัน
สมบูรณ์ ให้เข้าถึงสภาวะแท้ๆของจิต เข้าถึงธรรมชาติแท้ๆพร้อมกับวางเฉย
ไม่ยินดียินร้าย ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น รู้สภาวะธรรมอย่างอิสระตามความเป็นจริง
อย่าง พุทธะแท้ๆ ไม่เกี่ยวกับสมมุติ และอยู่นอกเหนือสภาวะการปรุงแต่ง


หมายเหตุ: วิชาต่างๆเหล่านี้ ข้าพเจ้าทำความเข้าใจตามประสาโง่ๆ มิใช่คำอธิบายทั้งหมดจากปู่
หากผิดข้าพเจ้าขอน้อมรับ หากถูกขอยกความดีนี้เป็นความดีของ ครูที่ดี
และขออภัยต่อผู้ที่ข้าพเจ้าได้เอ่ยอ้างและยกเรื่องของใครต่อใครมาเขียน
โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าแต่ขอยืนยันในเจตนาอันบริสุทธิ์นี้ ไม่ต้องการให้เกิดผลตามมาอันไม่พึงประสงค์อื่นใด



อนึ่งเรื่องความรู้ต่างๆของหลวงปู่ยังมีอีกมาก จะขอเพิ่มเติมในหมวดทั่วไปสักเรื่องคือ
เมื่อตอนต้นๆปี๒๕๓๖ วันหนึ่งตอนค่ำหลังเสร็จงานพวกเราจัดเก้าอี้และถวายน้ำชาหน้าถ้ำ
และนั่งล้อมวงหน้าท่าน ประมาณ ๑๐ คน ท่านถามขึ้นมาก่อนว่า
ใครมีอะไรจะถาม ข้าพเจ้าจึงเรียนถามเรื่องเครื่องบินรบ
T-29 ของญี่ปุ่นใน
สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขับโดยนักบินยศร้อยเอก อายุประมาณ ๒๙ ปี
ขึ้นจากสนามบิน
(ดูเหมือน)นาริตะไล่ตามเครื่องบินของอเมริกัน มีอยู่
ตอนหนึ่งเมื่อขับตีลังกาม้วนไล่ข้าศึก มองเห็นหมอกขาวทำให้กำหนดทิศ
ทางไม่ได้และข้าศึกก็หายไป ตามมาอีกราวชั่วโมงน้ำมันจวนหมด
จึงกลับสนามบิน เห็นสภาพสานมบินเปลี่ยนไปหมดโดยสรุปหายไปเกือบ
๕๐ ปี โดยร่างกายก็ไม่แก่เฒ่า ข้าพเจ้าจึงเรียนถามว่า เขาเข้าไปสู่มิติ
หนึ่งใช่หรือไม่ และมิตินั้นกับเมืองลับแลคือมิติเดียวกันหรือไม่และผูกพัน
โยงไยเข้าออกกันได้อย่างไร


ท่านอธิบายว่า โลกของเรามีมิติซ้อนกันอยู่ ๔ ภพ ทำมุมแก่กันอยู่ใน
องศาจำเพาะของแต่ละมิติ ดูเหมือนมีมนุษย์โลก สัมภเวสี เทวดา-ป่า
หิมพานต์ และเปรตอสูรกาย
(ชื่อภพต่างๆอาจสับสนไม่ถูกต้องนัก)
การเปลี่ยนมิติจะเข้าได้ทุกที่ ของเพียงรู้อย่างถ่องแท้ ฝึกฝนมาดีพอทาง
จิตวิญญาณ ถูกจังหวะและเวลา เมื่อเปลี่ยนจะวูบหายแวบไปเหมือนการหายตัว


แต่น่าเสียดายเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ มีพวกเราพูดขัดจังหวะท่านจึงสะดุด แล้วหันไป
พูดเรื่องอื่น ตอนต่อมาจนบัดนี้ก็ยังไม่มีการกล่าวถึงอีกเลย ข้าพเจ้าเสียดายแบบ
สุดๆที่หาฟังไม่ได้อีกแล้ว และนี่คือปลีกย่อยความรู้ที่ท่านแสดงให้พวกเรารู้และ
เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้


มิใช่เพียงเท่านั้นความรู้อีกมากมาย บางวิชาหายไปจากการถ่ายทอดเช่นวิชา
กำหนดธาตุของอักขระและวจีวิภาค หลวงปู่จะใช้วิชานี้ในการแสดงธรรมะโดย
การทำให้ถ้อยคำมีความสละสลวย เนื้อความใจความถูกต้องสมบูรณ์กนใจผู้ฟัง
ด้วยเสียงสูงต่ำเป็นจังหวะจะโคน ไหลรินสม่ำเสมอ ไม่ขาดสาย น่าฟัง ท่านตรึง
อารมณ์ของผู้ฟังด้วยคำพูดไม่กี่คำเพื่อกระตุ้นให้สนใจใส่ใจในธรรมะนั้นๆ เมื่อ
เห็นฟังมากจนจะแตกระเบิดท่านก็กลับคลายปมให้หัวเราะได้ภายในอึดใจเช่นกัน
ท่านมีความรู้ครอบคลุมอย่างดีไปแทบทุกศาสตร์ ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์หลวงปู่คง
มีความจำเป็นล้านเมกกะไบท์เป็นแน่


ห้าห้ามถาม: เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลูกหลานศิษย์เก่าๆ รู้กันดีเป็นเรื่องที่ไม่มีคำตอบ
จากท่าน คือ ชื่ออะไร-อายุหรือพรรษาเท่าไหร่ เกิดเมื่อไหร่บวชเมื่อไหร่-มาจาก
ไหนจะไปไหน เป็นคนที่ไหนมีเทือกเขาเหล่ากอมาอย่างไร-และเรื่องสุดท้ายคือหวย


สำหรับ ๔ เรื่องแรกท่านมีคำตอบว่า จะมาเอาเนื้อเอาหนังเอากระดูกและรูปนาม
ของท่าน ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เกิดสุขและพ้นทุกข์ หรือตรงกันข้ามจะมาเอาจากความ
รู้จากครูผู้สอนพัฒนาทางจิตวิญญาณ และธรรมะแท้แก้ไขตนเองให้พ้นทุกข์เกิดสุขกันแน่



ส่วนเรื่อง หวย ก่อนนี้ มีพวกเราหลายคน แม้แต่ตัวผู้เขียนเองพยายามหลายต่อหลายครั้ง เมื่อพบท่าน
ท่านก็จะใช้คำพูดเดิมๆของท่านว่า โดนแดกอีกแล้วซิลูก และเรื่องนี้ท่านสอนไว้ดังนี้


เมื่อพวกเราได้สร้างทานปัจจัย เป็นบุญเป็นกุศลเอาไว้ในภพชาตินี้แล้ว
ทานปัจจัยเหล่านี้จะไปรอเป็นจุดๆ เป็นระยะๆ ตามกาลเวลา ในอนาคต

หรือโดยเฉพาะในภพชาติเบื้องหน้าของตน
ของตัว เราเองมากน้อยตามผลแห่งบุญกุศล
นั้น อาจภพเดียวหรือหลายภพ โดยมูลค่าของทานปัจจัยนั้นเป็นตัวตั้งความจำ
เป็นต่อทานนั้น ศีลศรัทธา มีความเมตตาอนุเคราะห์ เอื้ออาทรอย่างบริสุทธิ์ของ
ผู้ให้ – ผู้รับเป็นตัวคูณ กาลเวลาเป็นตัวให้ดอกผลและกำไร
เงินต้นเพียง ๑ อาจกลายเป็นแสนเป็นล้าน ณ.เมื่อผลบังเกิด
ส่วนการเล่นหวยหรือการพนัน มีผลเท่ากับถอนเงินต้นของกองทุน
ของทานปัจจัยเหล่านั้นมาใช้ก่อน



ผลที่เกิดขึ้นในภพชาติเบื้องหน้า ก็เป็นแค่ภาพลวงตา เมื่อชีวิตไปถึงจุดเหล่านั้น
ทรัพย์สินดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้ก็ไม่ได้ เมื่อบ้าหวยบ้าการพนันมากเข้าไปก็เท่ากับ
ถอนทุนออกมาก ชาติเบื้องหน้าจะเกิดมาขัดสนยากจน
ทั้งที่ก่อนจะบ้าสิ่งพวก
นีมีสิทธิ์จะเกิดมาร่ำรวย เมื่อประกอบอาชีพทำมาหากินก็หากำไรได้ยากผิดหวัง
อยู่เสมอ
หนักเข้าถึงขั้นเป็นผีการพนัน ทรัพย์ของการเกิดเป็นมนุษย์ถูกทำลาย
หมด เลยหมดโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ ต้องไปเกิดเป็นเปรต เป็นสัตว์เดียรัจฉาน
หรือเป็นสัตว์นรกไปเลย ถึงตอนนั้นจะมาร้องคร่ำครวญให้ใครช่วย ก็คงไม่มีหวังเสียแล้ว


เมื่อใคร่ครวญตามคำสอนของหลวงปู่แล้วหลายรายก็ละเลิกเบาบางไปมาก
คนกิเลสน้อยอาจเลิกเลย ตัวผู้เขียนเองยังเหลือนิดๆ แต่จะพยายามเลิกให้ได้
เช่นกันในไม่นานนี้ และปู่เองก็ไม่ให้หวยเอาเสียเลยซักครั้ง


(ที่มาจาก:หนังสือประสบการณ์ทางวิญญาณแห่งศิษย์พุทธะ)

ที่มาบทความนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น